ระบบ

ระบบ PMS (Property Management System) เป็นระบบบริหารจัดการทรัพย์สินที่ใช้ในธุรกิจโรงแรม มีหน้าที่ในการบริหารจัดการและควบคุมทุกด้านของโรงแรม เช่น การจองห้องพัก, การจัดการห้องพัก, การบันทึกข้อมูลลูกค้า, การจัดการราคา, การควบคุมสต็อก, การบันทึกการชำระเงิน, การจัดการบุคลากร, รายงานการประกอบการ และหลายฟังก์ชันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มรูปแบบ

​​​​​​​ระบบ PMS มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจโรงแรมได้หลายวิธีดังนี้:

  1. การจองและจัดการห้อง: ช่วยให้โรงแรมสามารถตรวจสอบห้องพักที่ว่างและรายละเอียดของการจองได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถจัดการห้องพักให้เต็มประสิทธิภาพและลดความสับสนในการจอง
     

  2. การบริหารราคา: ช่วยในการกำหนดราคาห้องพักให้เหมาะสมกับตลาดและฤดูกาล โรงแรมสามารถสร้างโปรโมชั่นและส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงเวลาที่ต่างกัน
     

  3. บริหารสต็อก: ช่วยจัดการสต็อกสินค้าและบริการอื่นๆ ในโรงแรม เช่น ร้านอาหารและบาร์ ทำให้สามารถตรวจสอบสินค้าในสต็อกและรายงานการขายได้ง่าย
     

  4. การบันทึกข้อมูลลูกค้า: ช่วยบันทึกข้อมูลลูกค้าและประวัติการเข้าพัก ทำให้สามารถติดต่อลูกค้าในอนาคตได้ง่ายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
     

  5. การบันทึกการชำระเงิน: ช่วยในการบันทึกและตรวจสอบการชำระเงินของลูกค้า ทำให้ลดความผิดพลาดในการบันทึกการเรียกเก็บเงิน
     

  6. การจัดการบุคลากร: ช่วยจัดการข้อมูลบุคลากร การตารางงาน และการประเมินประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้บริหารจัดการบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ​​​​​​​

  7. รายงานการประกอบการ: PMS สร้างรายงานที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการประกอบการของโรงแรม เช่น รายงานยอดการจอง, รายงานกำไรขาดทุน, และรายงานการใช้ห้องพัก เพื่อให้ผู้บริหารตรวจสอบสถานะและทิศทางของธุรกิจ


​​​​​​​ระบบ PMS เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจโรงแรม ทำให้โรงแรมสามารถให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างดี

  • ผู้ให้บริการ ระบบ PMS มีกี่ประเภท? แล้วธุรกิจควรเลือกแบบไหนดี?
  • ทำไมธุรกิจถึงต้องเลือกใช้โปรแกรมโรงแรม PMS?
  • สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างทำโปรแกรม โรงแรม

ผู้ให้บริการ ระบบ PMS มีกี่ประเภท? แล้วธุรกิจควรเลือกแบบไหนดี?

ระบบ PMS (Property Management System) มีหลายประเภทที่สามารถปรับใช้กับความต้องการและขนาดของธุรกิจโรงแรมต่างๆ ประเภทหลักของ PMS รวมถึง:

  1. On-Premises PMS (PMS แบบใช้ในสถานที่): ระบบนี้ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงแรมและมักต้องการการบำรุงรักษาและการดูแลเครื่องมือด้วยทีมผู้ดูแลระบบของโรงแรมเอง ระบบ On-Premises PMS มักเหมาะสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรเพียงพอในการดูแลรักษาระบบและความปลอดภัยของข้อมูลในบริษัท
     

  2. Cloud-Based PMS (PMS แบบคลาวด์): ระบบ PMS แบบคลาวด์ตั้งอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์และสามารถเข้าถึงผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ระบบนี้ไม่ต้องการการดูแลรักษาภายใน และมักมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าในเรื่องของการบำรุงรักษาและอัปเดต ระบบ PMS แบบคลาวด์เหมาะสำหรับทุกขนาดของธุรกิจโรงแรม และมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนขนาด
     

  3. Mobile PMS (PMS แบบมือถือ): ระบบ PMS แบบมือถืออนุญาตให้บริการจองและการจัดการโรงแรมผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ระบบนี้เหมาะสำหรับโรงแรมที่ต้องการให้ลูกค้าทำรายการการจองและการชำระเงินในขณะที่อยู่นอกโรงแรมหรือในที่สาธารณะ
     

  4. Limited-Service PMS (PMS แบบบริการจำกัด): ระบบ PMS แบบนี้มุ่งเน้นการบริหารจัดการโรงแรมที่มีบริการจำกัด เช่น โรงแรมที่ไม่มีร้านอาหารหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ระบบนี้มักมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำและเรียบง่าย


​​​​​​​​​​​​​​การเลือกประเภทของ PMS ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจโรงแรมของคุณ หากคุณมีงบประมาณและทรัพยากรมากพอที่จะดูแลและบำรุงรักษาระบบเอง ระบบ On-Premises PMS อาจเหมาะสำหรับคุณ แต่หากคุณต้องการความยืดหยุ่นและค่าใช้จ่ายที่ต่ำของการบริหารจัดการระบบ PMS แบบคลาวด์อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และการบริการแบบมือถือหรือ Limited-Service PMS อาจเหมาะสำหรับโรงแรมที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงในการให้บริการลูกค้า

ทำไมธุรกิจถึงต้องเลือกใช้โปรแกรมโรงแรม PMS?

การเลือกใช้โปรแกรมระบบบริหารจัดการทรัพยากรโรงแรม (PMS - Property Management System) มีความสำคัญอย่างมากในธุรกิจโรงแรมด้วยเหตุผลที่หลายประการ:

  1. บริหารจัดการโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ช่วยในการบริหารจัดการโรงแรมให้อยู่ในสภาพที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สูง เช่น การจองห้องพัก, การบันทึกข้อมูลลูกค้า, การจัดการการเช็คอินและเช็คเอาท์, การควบคุมสต็อก, และการบริหารจัดการบุคลากร ทำให้โรงแรมสามารถให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพและเติบโตไปพร้อมกับการขยายธุรกิจ
     

  2. จัดการการจอง:  ช่วยจัดการการจองห้องพักให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและประสิทธิภาพ โรงแรมสามารถตรวจสอบสถานะของห้องพักได้อย่างทันทีและจัดการการจองโดยไม่เกิดความสับสน
     

  3. ควบคุมราคา: ช่วยกำหนดราคาห้องพักให้เหมาะสมกับตลาดและฤดูกาล โรงแรมสามารถสร้างโปรโมชั่นและส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงเวลาที่ต่างกัน
     

  4. บันทึกข้อมูลลูกค้า: ช่วยในการบันทึกข้อมูลลูกค้าและประวัติการเข้าพัก ทำให้สามารถติดต่อลูกค้าในอนาคตเพื่อให้บริการอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     

  5. การบันทึกการชำระเงิน: ช่วยในการบันทึกและตรวจสอบการชำระเงินของลูกค้า ทำให้ลดความผิดพลาดในการบันทึกการเรียกเก็บเงิน
     

  6. ความสะดวกสบายสำหรับลูกค้า: ระบบ PMS ทำให้ลูกค้าสามารถทำรายการการจองและชำระเงินออนไลน์ได้ง่ายและสะดวก ทำให้เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
    ​​​​​​​

  7. รายงานและการวิเคราะห์: สร้างรายงานที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการประกอบการของโรงแรม เช่น รายงานยอดการจอง, รายงานกำไรขาดทุน, และรายงานการใช้ห้องพัก เพื่อให้ผู้บริหารตรวจสอบสถานะและทิศทางของธุรกิจ


​​​​​​​การใช้ PMS ช่วยในการปรับปรุงการบริหารจัดการทรัพยากรในโรงแรม ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างดี

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างทำโปรแกรม โรงแรม

ก่อนที่คุณจะเริ่มจ้างทำโปรแกรมสำหรับโรงแรมของคุณ คุณควรรู้บางสิ่งเพื่อให้โปรเจคเป็นไปอย่างราบรื่นและเสถียรภาพมากขึ้น นี่คือบางแนวทางที่คุณควรพิจารณา:

  1. วัตถุประสงค์และความต้องการของโปรแกรม: กำหนดวัตถุประสงค์และความต้องการของโปรแกรมให้ชัดเจน ว่าต้องการให้โปรแกรมทำอะไรบ้าง เช่น การจัดการการจองห้องพัก การจัดการบัญชี การจัดการบริการห้องอาหาร เป็นต้น
     

  2. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่พร้อมจ่ายสำหรับโปรเจคนี้ คุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าพัฒนา การทดสอบ การดูแลรักษา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
     

  3. ระยะเวลา: กำหนดระยะเวลาที่คาดว่าโปรเจคจะเสร็จสิ้น นี่จะช่วยให้คุณและทีมพัฒนามีความเข้าใจในเรื่องของเวลาและกำหนดตารางการ
     

  4. คุณภาพและความสามารถ: ระบุคุณภาพที่คุณต้องการให้กับโปรแกรม เช่น ประสิทธิภาพ ความเป็นมาตรฐาน ความปลอดภัย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังควรระบุความสามารถที่คุณต้องการให้กับโปรแกรม เช่น การรองรับจำนวนผู้ใช้ที่มากขึ้นในอนาคต
     

  5. การติดต่อและการสื่อสาร: มีการสื่อสารที่ชัดเจนกับทีมพัฒนาเกี่ยวกับความต้องการและความคืบหน้าของโปรเจค นี่ช่วยให้ทุกคนมีความเข้าใจและเกิดความ透เนียมในกระบวนการพัฒนา
     

  6. เลือกผู้พัฒนา: คุณควรพิจารณาเลือกบริษัทหรือนักพัฒนาที่มีประสบการณ์และความสามารถในการพัฒนาโปรแกรมสำหรับโรงแรม
     

  7. ระบบสนับสนุนและการบำรุงรักษา: คิดเกี่ยวกับวิธีการดูแลและบำรุงรักษาโปรแกรมในระยะยาว เช่น การอัปเดต การแก้ไขข้อบกพร่อง เป็นต้น
     

  8. การบริหารจัดการโครงการ: มีแผนการบริหารจัดการโครงการเพื่อให้โปรเจคดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและตามเวลา
     

  9. ข้อมูล: ระบุข้อมูลที่จำเป็นที่โปรแกรมควรจะมี ในบางกรณี เช่น ข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลการจอง ข้อมูลการเช็คอิน เป็นต้น
    ​​​​​​​

  10. ความพร้อมในการรับโปรแกรม: ตรวจสอบว่าโรงแรมของคุณพร้อมที่จะรับโปรแกรมและระบบใหม่ อาจจะต้องปรับปรุงระบบอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับโปรแกรมใหม่


​​​​​​​การเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนที่จะเริ่มโปรเจคจะช่วยให้กระบวนการพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงในอนาคตด้วยครับ แน่นอนว่าการทำโปรแกรมโรงแรมเป็นโปรเจคที่ใหญ่ การคิดให้ดีและเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในระยะยาว.